RSI Forex: เจาะลึกเทคนิคทำกำไร ฉบับมือใหม่เข้าใจง่าย!


 

RSI Indicator คืออะไร? สอนวิธีใช้ RSI ทำกำไรในตลาด Forex (ฉบับสมบูรณ์)

เคยสงสัยไหมว่า RSI Indicator ที่เทรดเดอร์ Forex หลายคนพูดถึงนั้นคืออะไร และใช้งานอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด? บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก RSI Indicator หนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตั้งแต่พื้นฐาน ความหมาย การตั้งค่า ไปจนถึงกลยุทธ์การนำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจเทรด Forex ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมีประสบการณ์แล้ว บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ RSI อย่างละเอียดและนำไปใช้ทำกำไรได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

RSI Indicator คืออะไร?

RSI หรือ Relative Strength Index คือ อินดิเคเตอร์ประเภท Momentum Oscillator ที่พัฒนาโดย J. Welles Wilder Jr. ใช้วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา โดยจะแสดงค่าเป็นตัวเลขระหว่าง 0 ถึง 100

  • หลักการทำงาน: RSI คำนวณจากอัตราส่วนของค่าเฉลี่ยของวันที่ราคาปิดบวก (Average Gain) ต่อค่าเฉลี่ยของวันที่ราคาปิดลบ (Average Loss) ในช่วงเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไปคือ 14 วัน) เพื่อบ่งชี้ว่าในขณะนั้นตลาดมีภาวะ “ซื้อมากเกินไป” (Overbought) หรือ “ขายมากเกินไป” (Oversold)

การตีความ RSI เบื้องต้น

  1. ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought):
    • เมื่อ RSI เคลื่อนที่ขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 70 บ่งชี้ว่าราคาสินทรัพย์นั้นอาจปรับตัวขึ้นมามากและเร็วเกินไป อาจมีแรงซื้อที่มากเกินควร และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงหรือพักตัวในไม่ช้า
    • ข้อควรระวัง: ในสภาวะตลาดที่เป็นขาขึ้นแข็งแกร่ง (Strong Uptrend) RSI อาจค้างอยู่ในโซน Overbought ได้นาน การเห็น RSI เข้าโซน 70 ไม่ได้หมายความว่าต้องรีบ Sell ทันที ควรพิจารณาสัญญาณอื่นประกอบ
  2. ภาวะขายมากเกินไป (Oversold):
    • เมื่อ RSI เคลื่อนที่ลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 30 บ่งชี้ว่าราคาสินทรัพย์นั้นอาจปรับตัวลงมามากและเร็วเกินไป อาจมีแรงขายที่มากเกินควร และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นหรือฟื้นตัวในไม่ช้า
    • ข้อควรระวัง: ในสภาวะตลาดที่เป็นขาลงแข็งแกร่ง (Strong Downtrend) RSI อาจค้างอยู่ในโซน Oversold ได้นาน การเห็น RSI เข้าโซน 30 ไม่ได้หมายความว่าต้องรีบ Buy ทันที ควรพิจารณาสัญญาณอื่นประกอบ
  3. เส้นกึ่งกลาง 50 (Centerline Crossover):
    • เส้นระดับ 50 ถือเป็นจุดกึ่งกลาง หาก RSI ตัดผ่านเส้น 50 ขึ้นไป อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึง Momentum ขาขึ้นที่แข็งแกร่งขึ้น
    • ในทางกลับกัน หาก RSI ตัดผ่านเส้น 50 ลงมา อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึง Momentum ขาลงที่แข็งแกร่งขึ้น
    • เทรดเดอร์บางคนใช้การตัดผ่านเส้น 50 เป็นสัญญาณยืนยันทิศทางแนวโน้ม

กลยุทธ์การใช้ RSI ขั้นสูง เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร

นอกจากการดู Overbought/Oversold แบบพื้นฐานแล้ว RSI ยังมีกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและทรงพลังมากขึ้น ได้แก่:

  1. ไดเวอร์เจนซ์ (Divergence): สัญญาณกลับตัวที่ทรงพลัง
    Divergence เกิดขึ้นเมื่อทิศทางการเคลื่อนที่ของราคากับทิศทางของ RSI ขัดแย้งกัน เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าแนวโน้มปัจจุบันอาจกำลังอ่อนแรงลงและมีโอกาสกลับตัว
    • บูลลิช ไดเวอร์เจนซ์ (Bullish Divergence):
      • สถานการณ์: ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) แต่ RSI ทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (Higher Low)
      • ความหมาย: แม้ว่าราคาจะยังคงปรับตัวลง แต่แรงขายเริ่มอ่อนกำลังลง มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้น
      • การใช้งาน: มองหาจังหวะในการ Buy หลังจากเห็นสัญญาณ Bullish Divergence และมีสัญญาณยืนยันอื่นๆ เช่น รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Candlestick Pattern) หรือการทะลุแนวต้านสำคัญ
    • แบร์ริช ไดเวอร์เจนซ์ (Bearish Divergence):
      • สถานการณ์: ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) แต่ RSI ทำจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower High)
      • ความหมาย: แม้ว่าราคาจะยังคงปรับตัวขึ้น แต่แรงซื้อเริ่มอ่อนกำลังลง มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาลง
      • การใช้งาน: มองหาจังหวะในการ Sell หลังจากเห็นสัญญาณ Bearish Divergence และมีสัญญาณยืนยันอื่นๆ เช่น รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว หรือการหลุดแนวรับสำคัญ

    สำคัญ: Divergence เป็นเพียงสัญญาณเตือน ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น Price Action, แนวรับแนวต้าน (Support/Resistance) หรือ Indicator อื่นๆ

  2. การลากเส้นแนวโน้มบน RSI (RSI Trendlines):
    เช่นเดียวกับการลากเส้นแนวโน้ม (Trendline) บนกราฟราคา เราสามารถลากเส้นแนวโน้มบนกราฟ RSI ได้เช่นกัน การทะลุ (Breakout) เส้นแนวโน้มบน RSI มักจะเกิดขึ้นก่อนการทะลุเส้นแนวโน้มบนกราฟราคาจริง ทำให้เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าได้
  3. RSI Failure Swings (หรือ Positive/Negative Reversals):
    เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ Divergence ที่ช่วยยืนยันการกลับตัวได้แม่นยำขึ้น
    • Top Failure Swing (Bearish): เกิดในภาวะ Overbought เมื่อ RSI ขึ้นไปทำจุดสูงสุด จากนั้นปรับตัวลง แล้วดีดตัวขึ้นอีกครั้งแต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ (ต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม) จากนั้น RSI ได้ทะลุจุดต่ำสุดเดิม (Swing Low) ที่เกิดขึ้นระหว่างจุดสูงสุดทั้งสองลงมา ถือเป็นสัญญาณ Sell ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง
    • Bottom Failure Swing (Bullish): เกิดในภาวะ Oversold เมื่อ RSI ลงไปทำจุดต่ำสุด จากนั้นปรับตัวขึ้น แล้วย่อตัวลงอีกครั้งแต่ไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ (สูงกว่าจุดต่ำสุดเดิม) จากนั้น RSI ได้ทะลุจุดสูงสุดเดิม (Swing High) ที่เกิดขึ้นระหว่างจุดต่ำสุดทั้งสองขึ้นไป ถือเป็นสัญญาณ Buy ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง

การตั้งค่า RSI (RSI Settings)

  • Period (ช่วงเวลา): ค่ามาตรฐานที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ 14 periods (เช่น 14 วันสำหรับกราฟ Day, 14 ชั่วโมงสำหรับกราฟ H1)
    • ค่า Period น้อยลง (เช่น 7, 9): RSI จะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคามากขึ้น ทำให้เกิดสัญญาณ Overbought/Oversold บ่อยขึ้น แต่อาจมีสัญญาณหลอก (False Signals) มากขึ้นตามไปด้วย เหมาะกับการเทรดระยะสั้น หรือ Scalping
    • ค่า Period มากขึ้น (เช่น 21, 25): RSI จะเคลื่อนไหวช้าลง กรองสัญญาณรบกวนได้ดีขึ้น สัญญาณจะเกิดน้อยลง แต่มีความน่าเชื่อถือสูงขึ้น เหมาะกับการเทรดระยะกลางถึงยาว หรือ Swing Trading

ข้อควรระวังและข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ RSI

  • ห้ามใช้ RSI เพียงอย่างเดียว: RSI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ไม่ควรใช้ตัดสินใจเทรดโดยลำพัง ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), MACD, Fibonacci, แนวรับแนวต้าน และการวิเคราะห์ Price Action
  • Overbought ไม่ได้แปลว่าต้อง Sell ทันที (และ Oversold ก็ไม่ได้แปลว่าต้อง Buy ทันที): ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มแข็งแกร่ง (Strong Trend) RSI สามารถค้างอยู่ในโซน Overbought หรือ Oversold ได้เป็นเวลานาน การเข้าออเดอร์สวนเทรนด์ทันทีที่เห็น RSI เข้าโซนเหล่านี้ อาจทำให้ขาดทุนได้ ควรรอสัญญาณยืนยันการกลับตัวอื่นๆ ประกอบด้วย
  • Divergence ไม่ได้แม่นยำ 100%: แม้ว่า Divergence จะเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ แต่ก็อาจเกิดสัญญาณหลอกได้เช่นกัน ควรรอให้ราคาแสดงการยืนยันการกลับตัวก่อนเข้าเทรด

บทสรุป

RSI Indicator เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์ Forex สามารถประเมิน Momentum ของตลาด ระบุภาวะ Overbought/Oversold และมองหาสัญญาณการกลับตัวของราคาผ่าน Divergence การทำความเข้าใจหลักการทำงาน การตีความ และกลยุทธ์ต่างๆ ของ RSI อย่างถ่องแท้ รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ และการบริหารความเสี่ยง (Money Management) ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่าลืมฝึกฝนการใช้งาน RSI บนบัญชีทดลอง (Demo Account) จนชำนาญก่อนนำไปใช้เทรดด้วยเงินจริงเสมอ ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการเทรดครับ!

สมัครสมาชิกกับเราวันนี้ (ฟรี) เพื่อดาวโหลดอินดิเคเตอร์และ EA ไปใช้กันได้เลย!

คลิกที่นี่เพื่อสมัครสมาชิก

หมายเหตุ – ใช้ได้กับโปรแกรม MT4 บนคอมพิวเตอร์เท่านั้น

วิธีการติดตั้ง Indicator ลงในโปรแกรม MT4
วิธีการใช้งานโปรแกรม MT4 บนคอมพิวเตอร์